น้อง ๆ รู้ไหมว่า การกำหนดอนาคตให้กับตัวเอง ว่าจะประกอบอาชีพอะไรหลังเรียนจบนั้น มีความสำคัญกว่าที่น้องๆคิด เพราะปัจจัยต่างๆ ในสังคม เป็นตัวชี้วัดด้านอาชีพว่า สิ่งที่เลือกจะเป็นอาชีพที่เจริญก้าวหน้ามั่นคงต่อไปในอนาคตหรือไม่ ซึ่งน้องๆ ที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย อาจจะเครียด และเลือกไม่ถูกว่าจะไปทางไหนดี เพราะการเลือกคณะที่ใช่ จะทำให้ชีวิตปัง แต่ถ้าเลือกผิดเมื่อไหร่นั้น ชีวิตก็เปลี่ยนได้ ต้องเสียเวลาซิ่ว ย้ายคณะ ย้ายมหาลัยใหม่อีก หรือบางคนฝืนเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ เรียนจบมาก็ทำงานไม่มีความสุข ดังนั้น เรามาเลือกคณะให้ถูกกับตัวเองกันดีกว่า ว่าควรเลือกแบบไหน ชีวิตในอนาคตถึงจะปังสุดๆ การเลือกเส้นทางการเรียน มีหลายปัจจัย วันนี้เรามาดูกันว่าการเลือกแต่ละแบบ มีข้อดีข้อเสียยังไง

1. เลือกตามความชอบ

        แน่นอนว่า นี่คือปัจจัยหลัก ที่น้อง ๆ ควรให้ความสำคัญ และยึดไว้ใช้เลือกคณะเรียน เพราะการได้เรียนสิ่งที่ชอบตลอดเวลาเรียน 4 ปี 5 ปี หรือ 6 ปี น้องจะทำมันได้อย่างมีความสุข ซึ่งความชอบ เกิดจากสิ่งที่น้อง ๆ ให้ความสนใจสิ่งนั้นตั้งแต่เด็ก หรือเพิ่งเริ่มมาชอบจริงจังได้ไม่นาน แต่ต้องเป็นสิ่งที่น้อง ๆ ทำแล้วรู้สึกว่า อยากทำอีก ไม่มีเบื่อ เช่น น้องอาจจะชอบวาดรูป ชอบงานศิลปะแต่เด็ก ทำให้น้องเลือกเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ ดิจิทัลอาร์ต หรือคณะจิตรกรรมฯ น้องๆ ที่ชอบวางแผน เขียนแบบ ส่งผลให้น้องๆ เลือกเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ลองสำรวจว่าตัวเองชอบทำอะไร เอาสิ่งนั้นมาเทียบกับคณะที่ชอบดู เพราะการทำในสิ่งที่ชอบคนเราก็มักจะทำได้ดี แต่อย่าลืมคำนึงถึงการประกอบอาชีพในอนาคตด้วยนะ

2.  เลือกตามความสามารถ

        เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ชอบเลย ความชอบคือความหลงใหล และอยากทำสิ่งนั้นอยู่เรื่อย ๆ แต่ความสามารถ จะถูกพัฒนาต่อยอดออกมาจากสิ่งที่ชอบ เมื่อน้อง ๆ เริ่มเรียนตั้งแต่ประถม จนมัธยม เราจะมีการรับรู้ถึงความสามารถที่โดดเด่นออกมา เพื่อนำมาเลือกคณะที่ใช่ได้ เช่น มีโอกาสเรียนดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มีความสามารถด้านดนตรี และมุ่งมั่นที่จะไปในเส้นทางนี้ให้สุด น้องก็เลือกคณะดนตรี, ศิลปกรรมศาสตร์, ดุริยางคศิลป์, หากน้องมีความสามารถด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์เป็นเลิศ คณะแพทย์ศาสตร์, วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ คณะเหล่านี้รอน้องๆ อยู่ ลองค้นหาความสามารถของตัวเองให้ได้ แล้วจะปังมากทีเดียว

3. เลือกตามความนิยม

ในข้อนี้ อาจจะเป็นได้ทั้งข้อดี และข้อเสียนิดหน่อย แต่ก็ไม่แย่ ที่จะนำมาตัดสินใจ โดยการเลือกตามความนิยม ก็จะเลือกจากปัจจัยทางสังคม ที่คนมองว่า จบคณะนี้มาแล้ว ดีแน่นอน ได้งานทำ เงินเดือนสูง มีความก้าวหน้า หรือมองจากแนวโน้มอนาคต ที่ทำให้เห็นว่า คณะนี้ มีโอกาสไปได้ไกล และเป็นอาชีพที่ไม่มีวันตกงาน เช่น เรียนแพทย์ เรียนทันตแพทย์ เรียนพยาบาล เรียนไอที เรียนบัญชี เรียนวิศวะ ซึ่งความนิยมนี้ จะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก นอกจากมีอาชีพใหม่ ๆ ที่เข้ามาแล้วกลายเป็นสาขายอดนิยมทันที เช่น เรียน Data Analyst, Cybersecurity เป็นต้น 

   สำหรับใคร ที่ไม่รู้ว่า ตัวเองถนัดอะไร เหมาะกับคณะไหน เอ็ดดูโกอยากเชิญชวนให้น้องๆมาลองทำแบบทดสอบ ใช้ Holland Codes ที่ www.edugothailand.com ช่วยเลือกให้เหมาะสมกับความชอบ และบุคลิกภาพของน้อง ๆ ทฤษฎีนี้ จะเป็นแบบทดสอบ ที่ทายนิสัยของเรา จนแสดงผลลัพธ์ให้เราเลือกคณะ สาขา ได้อย่างแม่นยำ และใช่ตัวเราที่สุด 

4. เลือกตามประเภทอาชีพ

มาดูในเรื่องของอาชีพกันบ้าง เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจเลือกคณะ อาชีพแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ อาชีพที่มีใบประกอบวิชาชีพ และ อาชีพที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ

4.1 อาชีพสายวิชาชีพ 

เป็นอาชีพที่หลังเรียนจบแล้ว จะต้องสอบใบประกอบวิชาชีพ เพื่อรับรองความเชี่ยวชาญในความสามารถ และประกอบอาชีพนั้นได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้แก่

• สายวิทยาศาสตร์สุขภาพ แพทย์ สัตว์แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกรรม พยาบาล แพทย์แผนไทย นักเทคนิคการแพทย์ นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักรังสีเทคนิค นักจิตวิทยาคลินิก นักทัศนมาตรศาสตร์ นักจิตวิทยา นักกายอุปกรณ์
• สายบัญชี นักบัญชี นักการเงิน นักเศรษฐศาสตร์
• สายวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมไฟฟ้ากำลัง วิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสาร วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมอุตสาหการ วิศวกรรมเหมืองแร่ วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
• สายกฎหมาย ทนายความ อัยการ ผู้พิพากษา
• สายงานสถาปัตยกรรม นักสถาปัตยกรรม นักสถาปัตยกรรมผังเมือง นักภูมิสถาปัตยกรรม นักสถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์
• สายการศึกษา-ครุศาสตร์ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา 
• สายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม นักนิวเคลียร์ นักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการควบคุมมลพิษ นักควบคุมสารเคมีอันตราย นักเพาะเลี้ยงและใช้จุลินทรีย์ที่ก่อโรค 

4.2 อาชีพสายวิชาการ

เป็นอาชีพที่ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองจากสภา หรือหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับความรู้ความสามารถเฉพาะทาง สามารถใช้เพียงใบปริญญาสมัครงาน หรือ ใบประกาศนียบัตรการฝึกอบรมความรู้ด้านที่สนใจ ประกอบเพิ่มเติมได้ เช่น พนักงานทั่วไป พนักงานเอกชน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ธุรกิจส่วนตัว ถ้าจะให้แยกออกมา ก็คือ อาชีพทั้งหมดที่มีประกาศรับสมัครงาน โดยไม่เกี่ยวข้องกับสายวิชาชีพที่มีใบประกอบวิชาชีพในข้อที่ 1 นั่นเอง 

ยกตัวอย่างอาชีพสายวิชาการ 

• สายการตลาด นักการตลาด, Digital Marketing, Creative Marketing, Content Marketer, Media Buyer, Ads Optimize Specialist, Advertising Manager, Brand Manager, Copywriter
• สายบริหารธุรกิจ นักวิเคราะห์การเงิน, Project Manager, Business Development, นักจัดการการลงทุน, นักคณิตศาสตร์ประกันภัย, ผู้จัดการฝ่ายขาย
• สายออกแบบ กราฟิกดีไซน์, 3D Artist, Animator, Product Design, นักจิตรกรรม
• สายเทคโนโลยี Data Analyst, Cybersecurity, Ux/Ui Designer, Web Developer, IT Support, Programmer, ผู้เชี่ยวชาญปัญญาประดิษฐ์
• สายบันเทิง นักเขียนบท, Producer, VDO Editor, นักออกแบบฉาก, Makeup Artist, นักแสดง, Tiktoker, Youtuber, Influencer
• สายวิศวกรรม วิศวกรรมคอมพิวเตอร์, วิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์และออโตเมชัน (เป็นสาขาสหวิชาการเชิงประยุกต์ ที่รวมวิชาเข้าด้วยกัน ทั้งวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรรมการควบคุมอัตโนมัติ วิทยาการคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ), วิศวกรรมแม่พิมพ์และเครื่องมือ, วิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์, วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์
• สายสุขภาพและความงาม นักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง, นักโภชนาการ, นักเวชศาสตร์การกีฬา, นักดูแลผู้สูงอายุ

อยากเรียนคณะที่ใช่!! เลือกให้ถูก ชีวิตน้อง ๆ จะปังมาก ถ้าไม่อยากเลือกผิด ลองค้นหาตัวเองให้เจอ หรือใช้แพลตฟอร์ม Edugo ของเรา ช่วยเลือกคณะที่อยากเรียนได้เลย...